สัมภาษณ์ OR x ORBIT คุยเบื้องหลังการใช้ Digital Experience ปั้นแอป EV Station PluZ สู่เบอร์หนึ่ง

สัมภาษณ์ OR x ORBIT คุยเบื้องหลังการใช้ Digital Experience ปั้นแอป EV Station PluZ สู่เบอร์หนึ่ง

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว โดยหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้นอกจากตัวรถที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานแล้ว โครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่าง ‘สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า’ ได้มีบทบาทสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ในการเสริมสร้างการยอมรับและทำให้เกิดการใช้งานในกลุ่มผู้บริโภค ทั้งในแง่ของสถานีบริการที่ต้องครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ และความสะดวกในการเข้ารับบริการ
ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด EV Station PluZ (อีวี สเตชั่น พลัซ) ของ OR (โออาร์) ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของผู้ให้บริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าด้วยจำนวนสถานีที่มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ในการเข้าใช้บริการที่เป็นมิตร ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้ ส่วนหลักที่สำคัญคือแอปพลิเคชัน EV Station PluZ ซึ่งทาง ORBIT Digital ได้เข้ามาพัฒนาเพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ครอบคลุมตั้งแต่การค้นหา การจองเวลาชาร์จล่วงหน้า ไปจนถึงขั้นตอนการชาร์จ และการชำระเงินอย่างครบวงจร


บทความนี้ Techsauce ได้มีโอกาสเจาะลึกเบื้องหลังความร่วมมือระหว่าง OR และ ORBIT ผ่านการสัมภาษณ์กับผู้บริหาร 3 ท่าน นำโดย คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน OR ที่จะมาเล่าภาพรวมของธุรกิจ EV Station PluZ ของ OR, คุณภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน OR และประธานกรรมการ ORBIT Digital ที่จะเชื่อมภาพธุรกิจเข้ากับกลยุทธ์ดิจิทัล และ คุณปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORBIT Digital ที่จะมาเล่าเบื้องหลังการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างละเอียด
จากวิสัยทัศน์ ‘Seamless Mobility’ สู่การเป็นผู้นำด้านสถานีชาร์จ EV

คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน OR เล่าว่าการเข้ามาในธุรกิจสถานีชาร์จ EV ของ OR ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง Seamless Mobility หรือการเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทาง
คุณพิมาน ฉายภาพว่า OR มีพันธกิจในการเป็นผู้นำและรักษาความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยมี PTT Station ที่แข็งแกร่งและพร้อมให้ธุรกิจต่างๆ เข้ามาเติบโต
"เราไม่ใช่เป็นเพียงปั๊มน้ำมัน แต่เป็นสถานีบริการที่พร้อมรองรับ การให้บริการลูกค้าที่เดินทางและสำหรับชุมชนที่เราไปอยู่ด้วย มีทั้งร้านกาแฟ Café Amazon ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย" — คุณพิมาน กล่าว
นับตั้งแต่ OR เริ่มขยายธุรกิจ EV Station PluZ อย่างจริงจังในปี 2565 การขยายสถานีชาร์จเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีมากกว่า 1,200 แห่ง ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัด ความสำเร็จนี้มาจากการต่อยอด PTT Station ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยสถานีชาร์จประมาณ 80% ตั้งอยู่ใน PTT Station และหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการได้อย่างราบรื่นนั่นคือ “แอปพลิเคชัน” เพราะธุรกิจสถานีชาร์จ EV มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากธุรกิจอื่น

"ธุรกิจนี้เป็นแบบ Unmanned service ผู้ใช้ต้องทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ตั้งแต่จอดรถ เสียบสาย กดชาร์จ จ่ายเงิน จนถึงถอดสายเก็บ โดยไม่มีพนักงานมาช่วย ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้บริโภค ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือแอปพลิเคชัน เพราะมันคือ Touchpoint หลัก และเป็นเครื่องมือสำคัญตั้งแต่ค้นหาสถานี จองเวลาชาร์จล่วงหน้า เริ่ม-หยุดการชาร์จ ไปจนถึงการชำระเงิน" — คุณพิมาน พูลศรี, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน OR
คุณพิมานเล่าเสริมว่าการทำให้แอปใช้งานง่ายนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเบื้องหลังเต็มไปด้วยความยากและความซับซ้อน แต่ ORBIT ได้เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
"ORBIT เหมือน ‘คู่คิด’ ไม่ใช่แค่ผู้พัฒนา พวกเขานำประสบการณ์จากหลายอุตสาหกรรม ทั้ง Tech Company รายใหญ่ ธุรกิจสื่อสาร และธนาคาร มาช่วยเราคิดและออกแบบ จนได้แอปที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้บริโภค" — คุณพิมาน พูลศรี

ผลลัพธ์จากการปรับปรุงแอปพลิเคชันครั้งใหญ่โดย ORBIT ในช่วงปลายปี 2567 ทำให้ EV Station PluZ สามารถขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในหมวดผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสาร Marketeer 2025 พร้อมเสียงตอบรับเชิงบวกจากทุกหัวข้อการสำรวจ และข้อมูลก็ชี้ชัดว่า จำนวนผู้ใช้งานเติบโตแบบก้าวกระโดด
ORBIT ในฐานะ Trusted Digital Partner
เมื่อถามว่า "Trusted Digital Partner" หมายถึงอะไร คุณภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน OR และประธานกรรมการ ORBIT Digital อธิบายว่า ตลอดหลายโครงการที่ ORBIT ได้ร่วมมือกับ OR สิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดคือ ORBIT ไม่ได้ทำหน้าที่แค่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้เสร็จแล้วส่งมอบ แต่เป็นเหมือนทีมเดียวกันที่ช่วยทำให้กลยุทธ์ของ OR เดินหน้าและเกิดผลลัพธ์จริง
คุณภากรเล่าต่อว่า OR มีแผนชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างคุณค่าและลดต้นทุนให้ธุรกิจอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการจะทำให้แผนนั้นบรรลุผลจริง ๆ จึงจำเป็นต้องมี ORBIT มาช่วยคิด วางแผน และลงมือทำไปพร้อมกัน

"ORBIT ไม่ได้เป็นแค่คนเขียนโค้ด แต่เราเข้ามาช่วยทำให้กลยุทธ์ของ OR ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยตอบโจทย์ธุรกิจจริง ๆ" — คุณภากร สุริยาภิวัฒน์
ในทางปฏิบัติ ORBIT ทำหน้าที่เป็น Digital Enabler คือการเอาเทคโนโลยีมาทำให้ใช้งานได้จริง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การพัฒนาแอปพลิเคชันเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมโปรเจกต์อื่น ๆ เช่น ระบบซัพพลายเชน หรือ AI ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจทั้งหมด
สำหรับโครงการ EV Station PluZ คุณภากรยกตัวอย่างว่าธุรกิจนี้ซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะไม่ได้เป็นแค่การให้บริการชาร์จไฟแต่ยังต้องจัดการรายได้ ดูแลลูกค้า ควบคุมต้นทุน และเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องชาร์จหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งทั้งหมดต้องหมุนรอบ แอปพลิเคชัน

"ถ้าไม่มีแอปฯ ที่ดีและยืดหยุ่น ลูกค้าก็จะไม่ใช้บริการ ดังนั้น ORBIT จึงเข้ามาช่วยตั้งแต่การออกแบบ จนถึงการดูแลหลังเปิดใช้งาน" — คุณภากร สุริยาภิวัฒน์
คุณภากรเน้นว่าทีม ORBIT ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็น Partner ของ OR จริง ๆ ในการทำงานร่วมกับ OR ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางกลยุทธ์จนถึงการส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจ เข้าใจโจทย์ของ OR และรู้สึกว่ากำลังสร้างธุรกิจไปด้วยกัน ตั้งแต่การพัฒนาไปจนถึงการรับฟีดแบ็กจากลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่สร้างขึ้นมาตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจของ OR ได้จริง นี่จึงสะท้อนความหมายของการเป็น Digital Transformation Partner
ORBIT แตกต่างจากบริษัทที่พัฒนาแอปทั่วไปอย่างไร ?
คุณภากร บอกว่าสิ่งที่ทำให้ ORBIT แตกต่างจากบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปคือ ความเชี่ยวชาญด้าน New Technology โดยเฉพาะระบบที่มีสถาปัตยกรรมซับซ้อน เช่น แอป EV ที่ต้องเชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จหลายยี่ห้อ ทีมงานของ ORBIT เป็น New Tech Talent คนทำงานที่เข้าใจ Digital Concept สมัยใหม่ ทำให้สามารถออกแบบระบบที่เชื่อมโยงทั้ง Ecosystem ของ OR ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชาร์จจากหลายหลายยี่ห้อ ระบบ Payment ของธนาคาร หรือระบบสะสมคะแนน blueplus+ (บลูพลัส)
การมี ORBIT อยู่ในเครือจะช่วยสร้างและเก็บรักษาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีไว้ภายใน OR ซึ่งสิ่งนี้จะกลายเป็น Long-term Asset และช่วยเรื่อง Knowledge Management ส่งผลให้ OR เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
นอกจากนี้ในภาพใหญ่ OR กำลังมุ่งสู่ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ เทคโนโลยีที่นำมาใช้ต้องตอบโจทย์ 3 เรื่องหลัก คือ การสร้างรายได้เพิ่ม การลดต้นทุน และการสร้างความผูกพันกับลูกค้า เป้าหมายสูงสุดคือการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของผลประกอบการและการเป็นองค์กรที่อยู่คู่กับสังคมไทย
ORBIT ช่วย OR อย่างไรตั้งแต่ต้นจนจบ?
คุณภากร สุริยาภิวัฒน์ อธิบายว่า ORBIT ไม่ใช่แค่ผู้พัฒนาเทคโนโลยี แต่เป็น Digital Partner ที่มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ ของทุกโครงการ เขากล่าวว่า การทำงานเริ่มจากการเข้าใจ Strategy ของ OR อย่างลึกซึ้ง ว่าองค์กรต้องการทำอะไร เพื่ออะไร และเป้าหมายทางธุรกิจคืออะไร
"ORBIT ได้พิสูจน์บทบาทของการเป็น Digital Partner ผ่านการแปลงกลยุทธ์ของ OR ให้กลายเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้จริง" — คุณภากรกล่าว
หลังจากเข้าใจ Strategy ทีม ORBIT จะช่วยจัดลำดับความสำคัญของโปรเจกต์ และออกแบบเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับ Objective ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้, การลดต้นทุน หรือการสร้างความยั่งยืน
คุณภากรยังเน้นว่า ทีมงาน ORBIT ต้องเข้าใจทั้ง เทคโนโลยีและธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละโครงการไม่ใช่แค่การเขียนโค้ด แต่เป็นการสร้าง ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ เขากล่าวว่า “ที่ผ่านมาทีม ORBIT ไม่ได้แค่ทำงานให้เสร็จตามโจทย์ แต่ทำงานร่วมกับ OR ในฐานะส่วนหนึ่งของการสร้าง Business Performance และความสำเร็จขององค์กร” และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือทีมงาน ORBIT รู้สึกถึง Impact ของงานที่ทำ ไม่ใช่แค่พัฒนาแอปพลิเคชันอย่างเดียว แต่ได้เห็นว่าสิ่งที่สร้างช่วยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
เบื้องหลังการพัฒนา EV Station PluZ

เมื่อมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการลงมือพัฒนาแอปพลิเคชัน ซึ่งทีมพัฒนานำโดย คุณปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORBIT Digital จะเล่าเรื่องกระบวนการทำงานที่เน้นแนวคิด Customer-Centric
คุณปกรณ์เล่าว่า เมื่อทีม ORBIT ได้รับโจทย์พัฒนาแอป EV Station PluZ สิ่งแรกที่ทำไม่ใช่เริ่มเขียนโค้ดทันที แต่เป็นการย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นเพื่อทำความเข้าใจโจทย์ให้ชัดเจนก่อน ทีมเริ่มจากการกำหนด Problem Statement ว่าระบบนี้มีจุดประสงค์อะไรและใครคือ Stakeholder ที่เกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนมาชาร์จรถ แต่รวมถึงทีมสนับสนุนและทีมผู้บริหาร โดยขั้นตอนสำคัญคือต้องเข้าใจความต้องการของทุกฝ่ายให้ครบทุกมิติก่อน
ซึ่งทีมได้จัด Design Thinking Workshop ร่วมกับหลายแผนกของ OR และได้สัมภาษณ์ผู้บริหาร เพื่อให้เข้าใจกลยุทธ์ธุรกิจและเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ในระยะยาว
"เหมือนชวนทุกคนมาร่างพิมพ์เขียวของระบบ และลงรายละเอียดร่วมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเรามองครบทุกมุมและตอบโจทย์ Stakeholder ทุกคนจริงๆ" — คุณปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ กล่าว
หัวใจสำคัญของการทำงานในโปรเจกต์นี้คือแนวคิด Customer-centric หรือการยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง แต่สำหรับ ORBIT แนวคิดนี้ไม่ได้อยู่แค่บนกระดาษ ทีมได้ลงมือทำจริงเพื่อให้เข้าใจประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด
"เรามีการเช่ารถ EV ให้ทีมไปลองขับ ใช้งาน และตระเวนชาร์จตามสถานีต่างๆ เพื่อให้ทีมเข้าใจและได้สัมผัสประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่คุยกันในห้องประชุมว่า 'มันน่าจะเป็นแบบนั้น' เวลาเกิดไอเดียใหม่ ๆ ทีมจะได้รู้ว่ามันใช้ได้จริงและเห็นภาพเดียวกัน" — คุณปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ กล่าว
นอกจากการลงพื้นที่จริงแล้ว ทีมยังทำการบ้านอย่างหนักด้วยการศึกษาแอปพลิเคชันสำหรับ EV ของต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ว่าประสบการณ์ในแอปที่ดีควรเป็นอย่างไร และนำข้อมูลทั้งหมดมาตกผลึกใน Design Thinking Workshop เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในประเทศไทยมากที่สุด
และจากการลงพื้นที่ทำให้ทีม ORBIT มองเห็นปัญหาที่ผู้ใช้งานต้องเผชิญ แม้แอปพลิเคชันจะเป็นหน้าต่างสู่ลูกค้าก็จริง แต่ถ้าแอปตอบสนองช้า กดเริ่มชาร์จแล้วเครื่องชาร์จไม่ทำงาน หรือสั่งหยุดชาร์จแล้วระบบไม่ยอมหยุด สิ่งนี้ไม่เพียงกระทบประสบการณ์ของลูกค้า แต่ยังทำให้รายได้สูญเสียไป และเพิ่มต้นทุนในการดูแลและแก้ไขปัญหา ทีม ORBIT จึงต้องออกแบบ Architecture ให้แอปสามารถทำงานได้รวดเร็ว เชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จได้ถูกต้องทุกครั้ง พร้อมระบบ Monitoring และ Support ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทำให้ทั้งธุรกิจสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณปกรณ์อธิบายว่าปัญหาเหล่านี้เกิดจากข้อจำกัดทั้งของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งการแก้ไขต้องทำร่วมกันทั้งระบบ
นอกจากนี้ทีมยังพบว่าความต้องการของผู้ใช้งานแตกต่างกันตามพฤติกรรมการขับขี่ สำหรับผู้ที่เดินทางไกลหรือออกต่างจังหวัดเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง อาทิ จากกรุงเทพฯ ไปเขาใหญ่ ผู้ใช้งานต้องมั่นใจว่าแบตเตอรี่จะไม่หมดกลางทาง การเข้าใจความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่ผู้ขับขี่ในเมืองไปจนถึงผู้เดินทางไกล ทำให้ทีมสามารถจัดลำดับความสำคัญ และคัดเลือกฟีเจอร์ที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด
สำหรับปัญหาการเพิ่มขึ้นชั่วคราวของจำนวนผู้ใช้บริการช่วงวันหยุดยาว คุณปกรณ์อธิบายว่า "เราออกแบบสถาปัตยกรรมบนคลาวด์ให้ขยายตัวอัตโนมัติได้ นึกภาพเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตที่เมื่อเห็นคิวยาว ก็จะเปิดเคาน์เตอร์เพิ่มทันที ซึ่งช่วยให้ระบบรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวได้อย่างไม่สะดุด
คุณปกรณ์สรุปว่า ทีมไม่เคยประนีประนอมระหว่าง Performance และ User Experience เพราะทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องเดียวกัน “เราพยายามทำให้ดีที่สุดทั้งสองด้าน ภายใต้ข้อจำกัดที่มี บางครั้งการออกแบบ UX ก็ช่วยแก้ปัญหาเชิงเทคนิค เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด”
แต่สุดท้ายแล้ว Orbit Digital เองทำการบ้านอย่างหนักทุกครั้ง เพื่อช่วย OR ในการลดต้นทุนในการสร้างและดูแลระบบให้เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจที่ใด้รับมา เพื่อที่จะให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทางเทคโนโลยีมากที่สุด
ก้าวต่อไปของ OR และ ORBIT จะไปในทิศทางไหน
ความสำเร็จของ EV Station PluZ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง คุณพิมานได้เล่าถึงนวัตกรรมในอนาคตที่กำลังพัฒนาร่วมกับ ORBIT เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับ การเติมน้ำมันด้วยตนเอง ที่ PTT Station ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่

คุณภากร อธิบายว่า บทบาทของ ORBIT ไม่ได้จบลงแค่การสร้างแอปพลิเคชัน แต่คือการเป็นเหมือน "Trusted Digital Partner" ที่จะเติบโตไปพร้อมกับ OR ในระยะยาว โดยก้าวต่อไปของ ORBIT คือการแปลงแผนธุรกิจที่วางไว้ให้กลายเป็นการลงมือทำจริง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกับธุรกิจ นอกจากนี้ ORBIT ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างเทคโนโลยีที่ใช้ได้นาน ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่ในระยะยาวด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานหลายล้านคนรู้สึกผูกพันกับแบรนด์อย่างแท้จริง และในฐานะบริษัทลูก ORBIT จะเป็นเหมือนโรงเรียนที่สร้างบุคลากรและถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับ OR โดยตรง เพื่อให้ OR มีความสามารถในการพัฒนาตัวเองได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังการพัฒนาแอป EV Station PluZ แสดงให้เห็นว่า การสร้าง Digital Experience ที่ยอดเยี่ยมไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการผสานกันระหว่าง วิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่ชัดเจนของ OR และ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบดิจิทัล โดยเฉพาะระบบที่มีสถาปัตยกรรมซับซ้อน พร้อมความมุ่งมั่นของ ORBIT ในฐานะ “Trusted Digital Partner” ซึ่งพร้อมเติบโตและร่วมขับเคลื่อนอนาคตแห่งพลังงานที่ยั่งยืนไปด้วยกัน